RSS

King of Herb

เห็ดหลินจือ เป็น King of Herb ช่วยป้องกันและรักษาโรคครอบจักรวาล แต่จะสำแดงฤทธิ์เดชมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่า "เกาถูกที่คัน" หรือไม่
ลด น้ำหนัก อย่างถูกวิธีด้วย โปรแกรมควบคุมน้ำหนักที่ได้ผลจริง! Paulena Online เริ่มเห็นผลใน 1 ชุดปลอดภัย พร้อมคำแนะนำตลอดโปรแกรมค่ะ

เห็ดหลินจือ ประกอบไปด้วยชื่อเสียงเรียงนามนับสิบ ไม่ว่าจะเป็น เห็ดหลินจือแดง เห็ดศักดิ์สิทธิ์  หญ้าเก้ากิ่ง ชื่อจือ เรซิ มันเนนตาเกะ และเห็ดหมื่นปี เป็นต้น แต่ชาวตะวันตกจะเรียกด้วยชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "กาโนเดอร์มา ลูซิดัม" (Ganoderma lucidum)
 มันมีสารออกฤทธิ์มากกว่า 150 ชนิดที่สำคัญ ได้แก่ ไตรเตอร์พีนอยด์ชนิดขม ช่วยขัดขวางการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ป้องกันไขมันอุดตันเส้นเลือด และยับยั้งสารพิษในตับ,พอลิแซกคาไรด์ตัวสำคัญอย่างเเบตา-ดี-กลูแคน ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันธรรมชาติของร่างกายออร์กานิกเยอร์มาเนียม ช่วยปรับประจุไฟฟ้าในร่างกาย, ซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเตส เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงกาโนโดสเตอโรน, อะดรีโนไซด์เยอร์มาเนียม, กรดอะมิโน และเกลือแร่ต่างๆ ด้วย
 เมื่อคุณสมบัติพิเศษของเห็ด คือโครงสร้างและสารประกอบภายในที่สามารถปรับตัวและป้องกันตัวเองได้ในทุกสภาวะแวดล้อมฉันใด ชื่อสารอ่านยากเหล่านี้ ล้วนส่งผลด้านบำรุงร่างกาย บรรเทาอาการ และเป็นเครื่องมือเสริมการรักษาโรคได้ยอดเยี่ยมฉันนั้น
 นายแพทย์สุรพล รักปทุม ผู้ค้นคว้าเรื่องราวของเห็ดหลินจือมายาวนาน อธิบายว่า การบำรุงร่างกายด้วยเห็ดหลินจือออกฤทธิ์เสริมสร้างแตกต่างกันไปในแต่ละวัย
 วัยเด็กและวัยหนุ่มสาว เห็ดหลินจือช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต และพัฒนาการ บำรุงกำลังและเสริมความแข็งแรง เสริมภูมิต้านทานโรค บำรุงสมองและสติปัญญา
 พอก้าวสู่วัยทำงานและกลางคน เจ้าเห็ดมหัศจรรย์ เหมาะใช้เพื่อความงามของผิวพรรณ ลดรอยด่างดำ คงความอ่อนวัย และบำรุงอวัยวะภายใน ทั้ง ปอด ตับไต รวมทั้งเพิ่มสมรรถภาพของระบบต่างๆ 
 แต่เห็ดหลินจือกลับเป็นที่นิยมในหมู่ผู้สูงอายุมากที่สุด เพราะมันช่วยชะลอความแก่ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความจำเสื่อม เพิ่มออกซิเจนในเลือดกระตุ้นการไหลเวียนเลือด บำรุงหัวใจ ต่อต้านสารพิษ และกำลังเพิ่มความฮอตมากขึ้น เพราะนำมาต่อต้านมะเร็ง
 ฆาตกรฆ่ามะเร็งอย่างเห็ดหลินจือ มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค และกำจัดเซลล์มะเร็งได้ พวกมันมีวิธีหาอาหารโดยสร้างเอ็มไซม์ ออกไปย่อยสลายสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตภายนอก ซึ่งอาจเป็นวิธีการเดียวกับที่ใช้ย่อยสลายเชื้อโรคและเซลล์มะเร็งด้วย
 สำหรับผู้มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร วิงเวียน นอนไม่หลับ มือเท้าเย็น ไอ หอบหืด อักเสบ มีการเจ็บปวดหรืออาการทางจิตประสาท การบริโภคเห็ดหลินจือก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
 นอกจากนั้นยังใช้รักษาร่วมกับผู้ป่วยได้หลายโรค อาทิ โรคมะเร็งที่ใช้เคมีบำบัด และการฉายรังสี เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง โรคภูมิแพ้ การติดเชื้อไวรัส โรคเอดส์ โรคทางสมองทั้งหลาย  โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง-ต่ำ โรคตับ โรคไต รูมาตอยด์ โรคเอสแอลดี และผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นต้น
 เมื่อมีประโยชน์ ก็มีโทษได้ หากบริโภคไม่ถูกวิธี
 หากเราใช้เห็ดที่บริสุทธิ์และมีคุณภาพดีแล้ว มันไม่มีโทษแต่ประการใด สามารถใช้ได้ต่อเนื่องตลอดไป ครั้งแรกนั้น คุณหมอสุรพลแนะนำให้เริ่มจากปริมาณน้อย แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นทุก 3 วัน ที่น่าสนใจคือ สามารถใช้เห็ดหลินจือเพียงชนิดเดียว หรือหลายชนิดร่วมกันก็ได้ ตลอดจนไม่มีฤทธิ์ตีกับยาที่รับประทานอยู่ หรือการรักษาอย่างอื่นก็ได้
 แม้จะมีไม่โทษ แต่มีผลข้างเคียงสำหรับบางคน นอกจากเด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยมะเร็งและผู้ป่วยหนัก รวมทั้งผู้มีประวัติแพ้ยาจะต้องปรึกษาแพทย์ตามธรรมเนียมแล้ว ในระยะแรก คนปกติก็อาจมีอาการท้องเสีย คอแห้ง หรือมีผื่นคัน แต่ก็มักจะหายได้เองภายใน 2-7 วัน แต่ถ้ายังมีอาการข้างเคียงดังกล่าวอยู่ แนะนำให้หยุดใช้ไปก่อนหนึ่งสัปดาห์ แล้วลองเริ่มต้นใหม่
 เห็ดหลินจือที่นำมาบริโภคจะให้ผลลัพธ์ดีที่สุด ก็ต่อเมื่อคนปกติทั่วไปใช้ดอกเห็ดอบแห้ง ชงเป็นชา  เพื่อดื่มเป็นประจำ ถ้าต้องการต้มเป็นยา ต้องดื่มให้หมดวันละ 1-3 เวลา และจะดื่มเวลาใดก็ได้ 
 ถ้าจะนำมาดองเหล้า จะใช้ดอกเห็ดอบแห้งดองกับเหล้าขาวหรือเหล้าเหลือง ชนิด 40 ดีกรี ปริมาณ 100-150 ซีซี ทิ้งไว้ 15 วัน แล้วค่อยนำมาดื่มครั้งละ 10 ซีซี หรือ 2 ช้อนชา วันละ 1-3 เวลา ก่อนหรือหลังอาหารก็ไม่ต่างกัน

นอกจากนั้น ยังมีผู้ผลิตเป็นแคปซูล โดยนำส่วนผสมของดอกเห็ด เส้นใย หรือราก และผงสปอร์ รวมอยู่ในเม็ด ซึ่งปริมาณขึ้นอยู่กับอายุของผู้ใช้  หากเป็นเด็ก ใช้ 1-2 แคปซูลก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับผู้ป่วย ควรใช้ ครั้งละ 3 แคปซูล วันละ 2 เวลาจะดีที่สุด

อีกทั้งชนิดผงสปอร์บริสุทธิ์ ที่จะออกฤทธิ์มากกว่าแบบแคปซูล ก็จะนำมาผสมน้ำอุ่นในปริมาณ 1 กรัม หรือไม่เกิน 3 กรัมสำหรับผู้ป่วย ที่เด็ดไปกว่านั้น มันยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว อาจผสมในน้ำผึ้ง น้ำผลไม้ เครื่องดื่ม และอาหารคาวหวานได้ง่ายๆ

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น